วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กลับตัว...กลับใจ

เธอทำให้ฉัน...อยากเป็นคนที่ดีกว่านี้
เธอทำให้ฉัน...มีความตั้งใจมากมาย
เธอทำให้ฉัน...อยากทำให้เธอไม่อาย
เวลาที่ใครถาม...ว่าเรานั้นเป็นอะไร
เคยได้แต่คิด...ปล่อยให้ชีวิตเสเพล
เคยแต่ทุ่มเทเวลา...ให้คนมากมาย
ไม่เคยจะคิด...อยากมีชีวิตเพื่อใคร
แต่ในวันนี้...จะมีไว้เพื่อเธอ
ที่ให้วันนี้...อาจเป็นเพียงคำสัญญา
แต่ว่าเวลา...จะทำให้เธอมั่นใจ
ไม่เคยจะคิด...อยากมีชีวิตเพื่อใคร
แต่ในวันนี้...จะมีไว้เพื่อเธอ

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เหนือสุข เหนือทุกข์

แม้เราจะรักความสุขมากมายเพียงใด
ความสุขก็หาได้รักเราไม่
วันดีคืนดีความสุขก็จากเราไป
ถึงจะกลับมาใหม่ ก็อยู่กับเราประเดี๋ยวประด๋าว
ส่วนความทุกข์นั้น แม้เราจะเกลียดมันเพียงใด
แต่มันก็มักจะมาหาเราอยู่เสมอ
ยิ่งพยายามหนีมัน มันยิ่งเข้ามาพัวพัน
เคยสังเกตไหมว่า........
ยิ่งเกลียดอะไร ก็ยิ่งเจอสิ่งนั้น
ในทางตรงกันข้าม.......
ยิ่งรักอะไร ก็มักสูญเสียสิ่งนั้น
หรือเหนื่อยกันการไล่ล่ามากขึ้น

ลองวางใจเป็นกลางต่อสุขและทกข์ดูบ้าง
สุขมาก็ไม่ยินดี.....ทุกข์มาก็ไม่ยินร้าย

อย่าคาดหวัง.....

อย่าเอาแต่คาดหวัง........
นั่งรอ ให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิต
แต่ต้องลุกออกไปต่อสู้
ส ร้ า ง สิ่ ง ดี ๆ
ให้เกิดขึ้นมาด้วยตัวเราเอง
อย่าคาดหวังจะได้คำชมจากใคร ๆ.......
ว่าเราดีมีคุณค่า...แต่จงลุกขึ้นมา
ส ร้ า ง คุ ณ ค่ า.......ให้ตัวเราเอง

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กาลเวลา

เรา.....อาจจะคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่า
ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข
เมื่อเกิดขึ้นได้ก็ย่อมจะมีทางทำให้หายไปได้เช่นกัน
จึงพยายามคิดอย่างหนัก
เพื่อที่จะค้นหาทางออกของปัญหาให้เจอโดยเร็ว
ไม่อยากจะแบกความทุกข์ไว้นานข้ามวันข้ามคืน
เป็นคนใจร้อนรอไม่เป็น
แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่
ก็ดูเหมือนจะยิ่งห่างไกล
จาก ท า ง อ อ ก ไปเรื่อย ๆ
กว่าจะรู้ตัวความคิดก็เตลิดไปไกล
จนยากที่จะดึงมันกลับมาสู่ความเป็นจริงได้ง่าย ๆ


นั่น.....
อาจเป็นความตั้งใจของมนุษย์ผู้จริงจังกับชีวิตมากเกินไป
กำลังพยายามคิดหาทางออกให้ตัวเอง
โดยไม่ทันคิดว่าเมื่อเราได้คิดอย่างถ้วนถี่ดีแล้ว
หากยังไม่เจอทางออก สิ่งที่ดีที่สุดน่าจะเป็น
การปล่อยวางความคิดทั้งนั้นให้ได้จะดีกว่า
อีกทั้งบางปัญหา........
การไม่ทำอะไรเลยก็อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ให้เวลาเป็นตัวแก้ไขแทน

เพราะ......
เวลาเป็นเครื่องบรรเทาความเจ็บปวด
ให้ทุเลาลงได้ชะงัดนัก
ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ร้อนใจ
ปัญหาที่เหมือนไม่มีทางออก
ความเจ็บช้ำน้ำใจ
ความผิดหวัง
ความโกรธ
ความอาย
ความรู้สึกแย่ ๆ
เราสามารถอาศัยเวลา
เป็นเครื่องช่วยรักษาให้หายได้เสมอ

กาลเวลา......
คือ เครื่องบรรเทาและบำบัดทุกเรื่อง
แม้แต่ความกลัดกลุ้มระทมทุกข์ที่ไม่มีทางแก้ไข
ก็สามารถบรรเทาลงได้
เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาที่เหมาะสมไปแล้ว
ขึ้นอยู่กับว่าตัวเราจะสามารถ
รอคอยวันนั้นได้หรือเปล่า
เมื่อถึงวันนั้น....ทุกอย่างก็จะกลับมา
เป็นปกติเหมือนเดิม

5 สิ่งที่คุณแม่ควรทำ เพื่อให้ลูกเติบโตอย่างฉลาดและมั่นใจ

ลูกเติบโตมาอย่างฉลาดและมั่นใจในตัวเอง คุณแม่ยุคใหม่ควรปลูกฝังและควรทำสิ่งเหล่านี้กับลูก เด็กที่ได้รับ 5 สิ่งจากแม่จะเป็นเด็กที่มีความมั่นใจและเป็นเด็กฉลาด ไม่เครียด พร้อมเจอเรื่องใหม่ๆ ในชีวิต มาดูกันไปทีละข้อ เริ่ม!
1. แม่ควรมอบความรักและความอบอุ่นอยู่เสมอ
เด็กที่รู้สึกว่าแม่รักเขาอย่างที่เป็นและคอยให้กำลังใจให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ เด็กประเภทนี้จะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า มีแม่ที่ยอมรับเขาอยู่ ดังนั้นเด็กประเภทนี้จะมีความมั่นใจและกล้าแสดงออกถึงความเป็นตัวตนต่อหน้าคนอื่นๆ
2. แม่ที่ไม่ตำหนิ
ไม่ได้หมายถึงการโอ๋จนลูกเคยตัว แต่หมายถึงเวลาที่ลูกทำผิดพลาด คนเป็นแม่ไม่ควรจะซ้ำเติม กลับกันควรให้คำแนะนำว่าสิ่งที่ถูกต้องควรจะทำอย่างไร ให้ความผิดเป็นครูสอนสิ่งต่างๆ เด็กประเภทนี้จะรู้สึกว่าการทำพลาดไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ถ้าหากว่าทำแล้วสามารถสอนให้เขาได้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
รูปจาก thesutherlandcenter.com
3. แม่ที่ให้คำชมเชยลูกอยู่เสมอ
กำลังใจหรือคำชมถือเป็นสิ่งที่เด็กๆ ทุกคนอย่างจะได้ เรียกได้ว่ามีคุณค่าทางใจ จากเด็กที่ทำอะไรด้วยตัวเองหรือทำสิ่งที่ตัวเองชอบ หากแม่ชื่นชมเขา เขาจะยิ่งภาคภูมิใจและทำสิ่งเหล่านั้นให้ดีขึ้นไปอีก แต่คุณแม่ไม่ควรพูดเกินความจริงนะคะ ชมแบบเป็นเหตุเป็นผลให้เด็กได้เข้าใจ
4. แม่ที่ไม่กดดันให้ลูกทำอะไรที่ยากเกินไป
คุณแม่แบบนี้แหละค่ะเยี่ยมสุดๆ ไม่บงการให้ลูกทำอะไรที่ตัวเองต้องการ แต่มันยากเกินไปสำหรับลูก ให้เขาได้ทำในสิ่งที่ความสามารถของเขาถึง เช่น ไม่ควรบังคับให้ลูกเรียนหมอหากว่าเขาไม่ได้ชอบ หรือ เขาถนัดด้านอื่นมากกว่า
5. แม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกมีประสบการณ์ที่ชีวิตของตัวเอง
ลองผิดลองถูก ลองเรียนรู้และผิดพลาดเพื่อให้เกิดการเข้าใจ แม่ที่ดีควรปล่อยให้ลูกได้ทำในสิ่งที่เสี่ยงๆ จะทำให้ลูกกล้าคิดกล้าตัดสินใจและอยู่ในภาวะผู้นำที่ดี มีความมั่นใจและกล้าบอกเล่าอะไรก็ตามที่เป็นเหตุเป็นผล เพราะว่าเขาเคยเจอมากับตัวเองแล้ว เด็กประเภทนี้จะโตมาอย่างฉลาดและเอาตัวรอดได้ดีในสถานการณ์ที่คับขัน

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

จะยอมเหนื่อยเพื่อสิ่งที่ใช่จริง ๆ หรือจะทนทรมานใจกับสิ่งที่ฝืน

คำว่า "ของฟรี" มักจะทำให้คนเรารู้สึกดีได้เสมอ
บางครั้งก็ถูกโยงไปถึงคำว่าโชคดีได้อีกด้วย
เพราะถ้าได้รับของฟรีพลันก็คิดว่าตัวเองมีโชค
หลายคนจึงรีบคว้าไว้โดยเร็ว
ไม่ทันคิดว่ามันอาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่
แต่ของฟรีในโลกนี้มีจริงหน่ะหรือ
ยิ่งถ้าเป็นในสังคมปัจจะบันที่ต่างทำมาค้ากำไร
กันแทบทุกอย่าง การจะหาของฟรีที่ดีจริงนั้น
จึงยากเต็มที.....

บางคน...อาจถูกยัดเยียดของฟรี (ของเหลือ) ให้
ก็รับด้วยความเกรงใจ แม้แต่เรื่องการงาน
บางทีก็รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ชอบงานที่ทำอยู่เลย
แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงออกไปหางานใหม่
ทั้งที่มีโอกาส ได้แต่ทนทำไปเรื่อย ๆ
แต่ในใจก็ไม่มีความสุขเอาเสียเลย
สุดท้ายก็หมดกำลังใจที่จะทำงานดี ๆ
ออกมาจะไม่ดีกว่าหรือ......
ถ้าจะหางานที่ใช่ เพราะอย่างน้อย
ก็เพื่อความสบายใจของตัวเอง
แม้ต้องเหนื่อยในตอนแรกก็ตาม

ในความเป็นจริง
คนเราทุกวันนี้ นอกจากจะอยากได้อะไรมาแบบง่าย ๆ
ก็ยังไม่คิดที่จะต่อสู้ดิ้นรนอะไรมากมาย
ไม่มีความมานะอุตสาหะที่มากพอ
เพื่อจะให้ได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง
แม้สิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการเลย
แต่เมื่อเห็นว่าเป็น "ของฟรี" ก็พร้อมที่จะรับไว้ทันที
แต่ในทางตรงขัาม.......
แม้รู้อยู่ว่าตัวเองปรารถนาอยากได้สิ่งไหน
แม้เป็นความต้องการที่ตรงกับใจมากที่สุด
แต่พอเห็นว่า กว่าจะได้มันมานั้น
ต้องเหนื่อยยากลำบากขนาดไหน
เป็นเพียงแค่ความคิดที่ยังไม่ได้ลงมือทำ
ก็พลันทิ้งมันไว้ข้างทางไม่กล้าสานฝันต่อ
กลายเป็นเรื่องน่าเสียดายจริง ๆ
สำหรับคนที่ทิ้งความฝันเช่นนี้ไป

เป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างยิ่ง
ที่นับวัน จำนวนคนที่ยอมเหนื่อย
เพื่อที่จะได้ลิ้มรสชาติอันหอมหวานของความสำเร็จ
กำลังลดลงเรื่อย ๆ อย่างน่าใจหาย
ยังไม่นับรวมถึงคนที่ทิ้งความฝันระหว่างทางอีกมากมาย
ซึ่งบางทีแค่เพียงอดทนอีกนิดเดียว
ก็อาจจะถึงเส้นชัยแล้ว........

อย่างไรก็ตาม....
เราเองต้องถามใจตัวเองให้ดีว่า
การที่เราจะเหนื่อยกับอะไรสักอย่างนั้น
เหนื่อยเพื่ออะไร?
ที่สุดแล้วมันคุ้มค่ากันหรือเปล่า?
แล้วเทียบกับสิ่งที่ได้มาอย่างง่ายดายหล่ะ
เป็นความต้องการจริง ๆ ของเราแล้วหรือ?

การที่เราไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย
กับการแลกมาด้วยความยากลำบาก
อย่างไหนที่มีคุณค่ามากกว่ากัน?

ไม่ต้อง...ตอบคำถามนี้กับคนอื่นให้มากความ
เพราะแต่ละคนคงจะถามไม่เหมือนกัน
ทั้งหมดนี้มันเป็นโจทย์เพื่อให้ "เรา" ตอบใจตัวเองว่า

"จะยอมเหนื่อยเพื่อสิ่งที่ใช่จริง ๆ
หรือจะทนทรมานใจกับสิ่งที่ฝืน
ก็เท่านั้นเอง........."

หยุดทำร้ายตัวเองด้วยความคิดเสียที

การวาดภาพ ที่น่ากลัวบนเส้นทางเดินของชีวิต
ทั้งที่มันยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง
นอกจากจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรแล้ว
ก็ยังทำให้ชีวิตเรายิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่อีกด้วย

หยุดทำร้ายตัวเองด้วยความคิดเสียที
แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยความกล้า
ที่จะเผชิญกับทุกปัญา
และยอมรับกับทุกสิ่ง
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกันดีกว่าไหม?

ความรัก.....

รัก.....ที่พอดี....ให้ความรู้สึกอบอุ่น
รัก.....ที่มากเกินพอดี.....ชีวิตก็รู้สึกอึดอัด
รัก.....ที่ขาด
ถ้าพยายามช่วยกันเติมให้เต็ม...รักก็อยู่ได้
แต่ถ้า "ความจริงใจ" ในรักหายไป
ก็ไม่อาจเรียกได้....ว่ารัก

ความสุข ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามา สอนให้ชีวิตเราได้ประสบการณ์

ชีวิต...มีเรื่องที่เกิดขึ้นแบบที่เราไม่คาดคิดมากมาย
เราคงไม่สามารถมีความสุขได้กับทุกเรื่อง
ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถที่จะมีความทุกข์ได้กับทุกเรื่อง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ล้วนคละเคล้า ปะปนไปทั้งเรื่องดีและไม่ดี
ให้จิตใจเรามีบทเรียน ให้ความรู้สึกเรามีบททดสอบ ให้ชีวิตเราได้ประสบการณ์
ถ้าเราเข้มแข็ง เราก็จะผ่านทุกเรื่องไปได้
ถ้าเราเข้าใจชีวิต เราก็จะผ่านทุกเรื่องไปได้
ไม่ว่าจะหนัก หรือเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม

credit : แค่อยากให้เธอมีกำลังใจ

ถ้ารักสงบ....อย่าไปรบกับคำนินทา

มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก 
ที่คนที่ไม่รู้จัก จะพูดถึงเรา
แต่ไม่ว่าอย่างไร.......
ก็อย่าไปสนใจให้มากนัก
เพราะเมื่อผ่านไปสักพักก็จะพบว่า
พวกเขาเหล่านั้นมักจะนินทา
ทั้งที่ยังไม่รู้จักเราดีพอ....

มีบ่อยครั้งเช่นกัน........
ที่คนเรามักจะเป็นทุกข์
เพราะหวั่นไหวไปกับวิจารณ์
คำนินทาให้ร้ายจากผู้คนรอบข้าง
เพื่อนร่วมงาน พี่น้อง เพื่อนฝูง
ทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักเรา
ทั้งหวังดี และหวังร้าย
ทั้งที่เป็นความจริงอยู่บ้าง
และไม่เป็นความจริงเอาเสียเลยก็มี

ทุกครั้ง
ที่ได้ยินคำนินทาเหล่านั้น
สิ่งแรกที่เกิดขึ้นเสมอกับทุกคนก็คือ "ความรู้สึก"
จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของแต่ละคน
บ้างก็เป็นทุกข์ร้อน กังวลใจ หดหู่ตลอดทั้งวัน
หรืออาจจะนานกว่านั้น บางคนกลับเฉย ๆ
แม้จะรู้สึกบ้าง แต่ก็ไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิต
ได้ยินแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป
แล้วก็ดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
แต่คนส่วนใหญ่เมื่อถูกนินทา
ก็มักจะมีอารมณ์ทันที........
โดยที่ยังไม่ทันคิดถึงข้อเท็จจริงที่เขาพูดเสียด้วยซ้ำ

หากเราใช้เวลาสักนิด
เพื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เขานินทาอย่างมีสติ
ไม่เอาแต่โมโหเลือดขึ้นหน้า
จะเอาเรื่องเอาความ.......
หรือทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง
จนเป็นเหตุให้ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน
เราก็อาจจะเข้าใจอะไรมากขึ้นก็เป็นได้

การพยายาม ดิ้นรน ต่อล้อต่อเถียง
หรือหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองนั้น
บางครั้งกลับยิ่งทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
ทำเรื่องธรรมดาให้วุ่นวาย และสุดท้ายบานปลาย
จนมีจุดจบที่ไม่ดีไป.......

บางที.....การอยู่เฉย ๆ
อาจจะเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด
ปล่อยให้เขาพูดไปเถอะ
ไม่นานก็จะเลิกพูดจานินทา
และลืมกันไปเองนั่นแหล่ะ
เพราะวัน ๆ หนึ่งแต่ละคน
ต่างก็มีเรื่องที่ต้องทำมากมาย
ไม่มีใครจะมัวมานั่งสนใจเรื่องของคนอื่น
มากกว่าเรื่องของตัวเองเท่าไหร่หรอก
ส่วนใหญ่แล้วความเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้น
เกิดจาก "จินตนาการ" อันเลวร้ายของเรานั่นเอง
ทั้งที่จริงอาจไม่ได้มีอะไรก็ได้

เพราะจะว่าไปแล้ว.........
การนินทาถ้าจะให้สนุก
ก็จะต้องทำให้ผู้ที่ถูกนินทาเป็นเดือดเป็นร้อน
กับคำนินทานั้น ซึ่งยิ่งทำให้เขาเป็นทุกข์ร้อนใจ
ได้มากเท่าไหร่ คนที่นินทาก็จะยิ่งได้ใจ
ยิ่งกระหน่ำทำให้เรารู้สึกแย่มากยิ่งขึ้น

แต่....ถ้าเราอยู่นิ่ง ๆ ไม่โต้ตอบไปมา
อยู่เฉย ๆ ทำตัวเป็นปกติ
ไม่นานเขาก็จะหมดสนุก
และไม่มาสนใจเราอีก

การแก้ตัวที่ดีที่สุดคือ "การนิ่งเงียบ" นั่นเอง

ผู้มีชื่อเสียงหลายคน
จึงมักใช้วิธีการนี้ เพื่อให้ข่าวลือจบไว ๆ
ไม่นานความจริงก็ปรากฎขึ้นเอง
ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จก็ตาม
และมันก็เป็นวิธีที่ได้ผลดีเสียด้วย

ส่วน....คนที่ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น
แท้จริงแล้วเป็นผู้ที่มีปมด้อยในใจ
การพยายามให้ร้ายผู้อื่น
จึงเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง
ที่ทำให้เขารู้สึกมีค่าขึ้นบ้าง
ทั้งบังทำให้รู้สึกว่าตัวเองโดดเด่น
ในบรรดาก๊วนชอบนินทาชาวบ้านด้วยกัน
แท้จริงแล้วมันอาจะป็นการประจานตัวเองมากกว่า
สุดท้าย....คนที่เสียมากกว่าก็คือ
ค น ที่ พู ด นั่ น  แ ห ล ะ

เพราะ.....
โลกนี้ไม่มีอะไรที่จะเป็นความลับได้ตลอดไป
สักวันเมื่อทุกอย่างเปิดเผยจนกระจ่าง
ความจริงก็จะพิสูจน์ตัวมันเอง
เพียงแต่เรายอมรับเอา "คำนินทา" ที่สร้างสรรค์
มาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้..จงปล่อยวางมันเสียจะดีกว่า

มัน....ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก
ที่คนที่ไม่รู้จักจะพูดถึงเรา
แต่ไม่ว่าอย่างไร........
ก็อย่าไปสนอะไรให้มากนัก
เพราะเมื่อผ่านไปสักพักก็จะพบว่า
พวกเขาเหล่านั้น
มักจะนินทา...ทั้งที่ยังไม่รู้จักเราดีพอ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ชีวิตคนเรา
ก็มีทั้งแง่ดีและไม่ดีกันทุกคน
เพียงแต่เราต้องยอมรับ
ในความบกพร่องของเราด้วย
พร้อมที่จะแก้ไขให้ดีขึ้น
ดีกว่าจะมัวไปสนใจ.......
แต่ลมปากชาวบ้านเป็นไหน ๆ

credit : ความสุขของเรามีเท่ากัน

เมื่อความรักเปิดประตูเข้ามาทักทาย ความแข็งกระด้างก็อ่อนโยนได้

"เราทุกคนล้วนมี มุมดี มุมเลว ด้วยกันทั้งนั้นแหล่ะ
แล้วแต่จะมีเวอร์ชั่นไหนมากกว่ากันก็เท่านั้น

บางคนก็เผยด้านเลวได้สุดโต่ง

แต่พอเจอการดูแล "" ด้วยความรัก ""
เจอการดูแล "" ด้วยความใส่ใจ ""
เจอการดูแล "" ด้วยความห่วงใย ""
ความหยาบคายแข็งกระด้างก็เริ่มลดน้อยลง

จริงๆความรักมันเยียวยาได้หลายความรู้สึกนะ

#ฉันเป็นกระบองเพชรที่มีมีเธอคอยดูแล
#จนกระทั่งวันหนึ่งกระบองเพชรอย่างฉัน
#สามารถผลิดอกสวยๆให้เธอได้เห็น"

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อย่ามองคนที่ภายนอก.....

ภายนอกของคน บอกอะไรเราไม่ได้
เพราะมนุษย์ สามารถปรุงแต่ง
ภายนอกของตัวเองให้ดูดี
จนบางครั้ง ก็มองเห็น ต่ข้อดี
จนลืมมองข้อเสียไปอย่างไม่รู้ตัว

ผักและผลไม้ที่ควรระวังในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง


ผักและผลไม้ มีความสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์ เป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยเรื้อรังบางอย่าง หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป ผักและผลไม้บางชนิดมีข้อควรระมัดระวังในการกิน ซึ่งต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมด้วย

ผักและผลไม้ที่ควรระวังในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

1. โรคไต ควรหลีกเลี่ยงการกินผักและผลไม้ที่มีสาร ดังต่อไปนี้
- กรดออกซาลิก ได้แก่ มันสำปะหลัง โกฐน้ำเต้า ผักโขม ผักแพว ปวยเล้ง มะเฟือง ใบชะพลู แครอต หัวไซ้เท้า ใบยอ กระเทียม
- กรดเด็งโคลิก ในลูกเนียงดิบ
- โพแทสเซียม ได้แก่ ผักโขม หน่อไม้ ขี้เหล็ก ชะอม เห็ดโคน ใบกระเพรา กระถิน แครอต ผักแพว ผักคะน้า รวมถึงผลไม้ (ทุเรียนก้านยาว ทุเรียนชะนี
กล้วยหอม และกล้วยไข่)

2. โรคทาลัสซีเมีย ควรหลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพรา ผักเม็ก ยอดมะกอก และยอดกระถิน

3. โรคไทรอยด์ ควรระมัดระวังการกินกะหล่ำปลี หากกินควรผ่านการปรุงให้สุกก่อน

4. โรคกระเพาะและสำไส้ ควรหลีกเลี่ยงการกินพริกในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากทำให้เกิดความเผ็ดร้อน ทำให้กระเพาะอักเสบ และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารมีกระบวนการเกิดโรคมากขึ้น"

ดำเนินชีวิตอย่างไรให้เป็นสุขในโลกปัจจุบัน :)


1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรัก และความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน

2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน

3.จงปฏิบัติตาม 3Rs
ก. เคารพตนเอง (Respect for self)
หากเราไม่เคารพตัวเองแล้ว ใครจะเคารพเราจงพึงสังวรณ์ไว้
ข. เคารพผู้อื่น (Respect for others)
เมื่อเราเคารพตัวเองแล้วเราต้องเคารพคนอื่นด้วย
ค. รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (Responsibility for all your actions)
หากเราไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของเราแล้วใครจะมาเคารพเรารับผิดแทนเรา

4. จงจำไว้ว่าการที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์

5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม

6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ

7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข

8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน

9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป

10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบ ก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

11. จงดำเนินชีวิตด้วยความ ซื่อสัตย์สุจริตเพื่อที่ว่า เมื่อคุณสูงวัยขึ้น และคิดหวนกลับ คุณจะสามารถมีความสุข กับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง

12.บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัว เป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

13.เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่อง ปัจจุบัน อย่า ขุดคุ้ยเรื่อง ในอดีต

14. จงแบ่งปันความรู้เพื่อเป็น หนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ

15. จงสุภาพกับโลกใบนี้.

16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไป ยังสถานที่ต่างๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง เพื่อทำการลบความคิดแบบเก่าๆ ออกบ้าง

17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ ที่ดีที่สุด คือความรัก มิใช่ ความใคร่

18. จงตัดสินความสำเร็จของ ตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ

19.จงเข้าใกล้ความรักด้วยการ ปล่อยวาง

20.จงดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วย พุทธธรรม มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น...

- Incrystal -

ปาท่องโก๋...อาหารเช้ายอดแย่


      ปาท่องโก๋เป็นเมนูอาหารเช้ายอดฮิตของคนไทยมาช้านาน แต่รู้หรือไม่ว่าปาท่องโก๋ส่งผลไม่ดีกับสุขภาพของคุณได้

      ปาท่องโก๋ทำมาจากแป้งขัดขาว เปลี่ยนเป็นน้ำตาลและเข้าสู่กระแสเลือดได้ไว เป็นอาหารที่มีแต่แป้ง ถูกนำไปทอดในน้ำมันอีกด้วย ซ้ำส่วนมากก็เป็นน้ำมันใช้ซ้ำ จนก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งอีกด้วย

      ยังพบว่าบางร้านใช้สารส้มเป็นส่วนประกอบในการทำปาท่องโก๋ หากทานทุกวัน จะทำให้รู้สึกคอแห้ง เจ็บคอ ร้อนในง่าย ไตทำงานหนักขึ้น เป็นพิษต่อเซลล์สมองและประสาท

      นอกจากตัวแป้งแล้ว ยังควรต้องระวังในการรับประทานคู่กับนมข้นหวานหรือสังขยาอีกด้วย เป็นการเพิ่มน้ำตาล แคลอรี่ให้กับร่างกาย

      การรับประทานปาท่องโก๋เพื่อสุขภาพ ควรทานแต่พอดี อย่าบ่อยถึงขั้นต้องรับประทานทุกเช้าเลยนะคะ

ไม่มีอะไรเป็นของคุณจริง...

• ไม่มีอะไรเป็นของคุณจริง
ทุกสิ่งแค่มาลองใจ
ว่าคุณเป็นคนแบบไหน
ตระหนี่ ใจดี ขี้โกง
หรือตรงไปตรงมา
เหมาะจะลำบาก
หรือสบายในภายหน้า
.
• ชีวิตเปลี่ยนทุกวัน
แต่จะดูต่างไปจริงๆ
ก็เมื่อคุณเห็น
และยอมรับว่าชีวิตไม่เที่ยง
เป็นไปตามเหตุปัจจัย
ไม่ใช่เป็นไปตามใจคุณ

• เกิดมาเราไม่เคยมีอะไรจริงอยู่แล้ว
ที่เคยเสียมาทั้งหมด
ก็แค่เสียดาย
และเสียใจเท่านั้นเอง
.
.❥
#ดังตฤณ

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แค่......ปล่อยมือ

เหนื่อยนัก....เหนื่อยนัก ก็พักหน่อย
ค่อย ๆ ปล่อย วางลง ปลงเสียบ้าง
มือที่ถือ ก็มีอยู่...เพียงสองข้าง
เลือกดูบ้าง ที่ควรทิ้งขว้าง ที่ควรใส่ใจ

เพียงเสียงนก เสียงกา เสียงฟ้าร้อง
เก็บมาทุกข์ เก็บมาหมอง ลองคิดเห็น
จำเป็นไหม ใจหนึ่งใจ ต้องลำเค็ญ
เพียงแค่ความ คิดเห็น ทำร้ายใจ

นิ่ง ๆ บ้าง ตั้งสติ ค่อย ๆ เลือก
อันไหนเปลือก อันไหนเหลือ อันไหนใช่
จะแบกรับ ทุกข์ทุกอย่าง ไว้ทำไม
หมดหนทางแก้ไข....วางทิ้งมันได้
"แค่..........ปล่อยมือ"

credit : ที่ตั้ง "ของความสุข"

วันนี้คุณอาจมีเงินใช้......

วันนี้คุณอาจมีเงินใช้.......
สบายกระเป๋า สบายมือ อยากได้อะไรก็ได้
อยากซื้ออะไรก็ซื้อ คนอื่นมี เราก็ต้องมี
โดยที่คุณไม่ได้หาเงินนั้นมาด้วยตัวเอง
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งคุณไม่มีเงินติดตัว
เพื่อมาใช้ปรนเปรอความต้องการของตน
แล้ว คุณก็รู้จักว่า "ความลำบาก"
ในการหาเงินมานั้น มันจะเป็นอย่างไร
"คุณจะทำยังไงกับชีวิต ต่อไปเมื่อไม่มีเงิน"

credit : Bong Bank

เคยมั้ย?

เคยมั้ย?

"ทำดี" จนกลายเป็น "คนโง่"
"โมโห" จนกลายเป็น "คนบ้า"
"เจ็บซ้ำๆ" จนกลายเป็น "คนชินชา"
"หนีปัญหา" จนกลายเป็น "คนเอาแต่ใจ"
"จริงจัง" จนกลายเป็น "คนคิดมาก"
"คิดซ้ำซาก" จนกลายเป็น "คนไม่เอาไหน"
"ขี้ใจอ่อน" จนกลายเป็น "คนหลอกง่าย"
"ฝันมากไป" จนกลายเป็น "คนไม่ยอมรับความจริง"

credit : ที่ตั้ง "ของความสุข"

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของการปั่นจักรยาน 13 ข้อ

1. ช่วยให้นอนหลับลึกกว่าเดิม
การออกปั่นจักรยานตอนเช้า ๆ ช่วยให้เราหลับได้ลึกกว่าเดิม และลดปัญหาการนอนไม่หลับ คณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดได้ทดลองให้คนที่มีปัญหานอนหลับยาก (Insomnia) ออกไปปั่นจักรยานตอนเช้าทุก ๆ วัน วันละ 20-30 นาที ผลปรากฎว่าคนที่มีปัญหาการนอนไม่หลับ สามารถนอนหลับสนิทได้เร็วขึ้นเกือบหนึ่งชั่วโมง จากแต่ก่อนที่อาจจะต้องนอนรอให้ง่วงเป็นเวลานาน การไปออกกำลังกายยามเช้า ช่วยให้ร่างกายเราได้รับแสงแดดตามเวลาที่ควรจะเป็น ช่วยให้ร่างกายหลับได้ง่ายขึ้นในตอนกลางคืน

2. ช่วยให้หน้าตาดูอ่อนวัยกว่าเดิม
ข้อนี้หลาย ๆ คนน่าจะชอบการปั่นจักรยาน ช่วยให้ร่างกายเราลำเลียงออกซิเจน และสารอาหารได้ดีขึ้น และช่วยขับถ่ายสารพิษในร่างกายได้มีประสิทธิภาพขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกาย อย่างการปั่นจักรยาน จะช่วยกระตุ้นการผลิตสารคอลลาเจน ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า จึงไม่แปลกว่าทำไมคนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำจึงหน้าตาอิ่มเอิบและผิวพรรณสดใส (แต่อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกรอบหล่ะ)

3. ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากมหาวิทยาลัย Bristol ยืนยันว่าการปั่นจักรยานจะช่วยกระตุ้นให้อาหารไหลผ่านลำไส้ได้เร็วกว่า ซึ่งช่วยลดการดูดซับน้ำในลำไส้ใหญ่ หมายความว่าก้อนอุจจาระก็จะไม่แห้ง ทำให้เราถ่ายได้คล่องขึ้น นอกจากนี้การปั่นจักรยานช่วยกระตุ้นการหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งเพิ่มกำลังในการบีบรัดตัวของลำไส้ ช่วยให้เราไม่รู้สึกอึดอัดหลังการทานอาหาร และป้องกันโรคมะเร็งสำไล้ได้อีกด้วย

4. เพิ่มประสิทธิภาพสมอง
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลินอยส์ พบว่าคนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำ ทำคะแนนการทดสอบสมองได้ดีกว่าปกติถึง 15% เพราะว่าการปั่นจักรยายช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองในส่วน Hippocampus เป็นส่วนที่ใช้บันทึกความจำ ซึ่งจะเสื่อมอย่างรวดเร็วหลังอายุ 30 ปีขึ้นไป ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี

5. สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าการอออกกำลังกายช่วยให้ระบบภูมิต้านทานของเราแข็งแรงขึ้น เชื้อโรคต่าง ๆ ก็มีผลกับเราได้น้อยลง รายงานสุขภาพจากอังกฤษบอกว่าคนที่ปั่นจักรยานอย่างน้อย 30 นาทีเป็นเวลาห้าวันต่อสัปดาห์มีโอกาสป่วยน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยกว่าเท่าตัว

6. อายุยืนยาว
ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัย King's Collegel London ทดสอบฝาแฝดกว่า 2,400 คู่ พบว่าแฝดคนที่ปั่นจักรยานแค่ 45 นาทีสามครั้งต่อสัปดาห์ มีอายุยืนยาวกว่าคู่แฝดที่ไม่ออกกกำลังกายกว่า 9 ปีโดยเฉลี่ย สาเหตุหลัก ๆ ที่ช่วยให้อายุยืนขึ้นก็เพราะการปั่นจักรยานพัฒนาระบบเลือดและระบบหายใจ ช่วยลดโรคความดัน โรคอ้วน มะเร็งประเภทต่าง ๆ โดยรวมร่างกายจะมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูรักษาตัวเองมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้กว่า 50%

7. พิทักษ์โลก
พื้นทีในการจอดรถยนต์หนึ่งคัน สมมารถใช้จอดจักรยานได้กว่า 20 คัน เราใช้วัตถุดิบและสารเคมีต่าง ๆ และพลังงานในการผลิตจักรยานหนึ่งคันน้อยกว่าการผลิตรถยนจ์ถึงห้าเท่าแน่นอน จักรยานไม่ก่อมลพิษ การปั่นจักรยานยังประหยัดพลังงานมากกว่าการเดินถึงสามเท่าในระยะทางเท่า ๆ กัน ผู้ผลิตรถยนต์สมัยนี้ชอบอวด "กิโล/ลิตร" ว่ารถตัวเองใช้น้ำมันกี่ลิตรต่อระยะทางหนึ่งกิโล เจอจักรยานแล้วจะหนาว เพราะถ้าลองเปรียบเทียบพลังงานที่เราใช้ในการปั่นจักรยานแปลออกมาให้เหมือนรถยนต์ จะได้ประมาณ 4,705 กิโล/ลิตร

8. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
ข้อนี้เห็นหลายคนในเว็บบอร์ด Thaimtb คอนเฟริ์มว่า การปั่นจักรยานช่วยพัฒนาระบบหมุนเวียนเลือด ซึ่งผลข้างเคยง คือเพิ่มความต้องการทางเพศ ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐ พบว่านักกีฬาจักรยานมีสมรรถภาพทางเพศเหมือนกับคนที่อายุอ่อนกว่า 4-5 ปี ในขณะที่นักกำฬาหญิงเลื่อนอาการวัยหมดประจำเดือน (menopause) ออกไปได้กว่า 5 ปี ผลการวิจัยจากฮาวอร์ดยังแถมให้อีกว่าผู้ชายที่อายุมากกว่า 50 ปีที่ปั่นจักรยานเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงอาการ "นกเขาไม่ขัน" ได้กว่า 30%

9. ลูกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง
ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะฟื้นฟูร่างกายหลังการคลอดได้ดีกว่าแม่ที่ไม่ออกกำลังกาย แถมลูกในท้องจะสามารถพัฒนาระบบประสาทได้ดีกว่าปกติอีกด้วย

10. ทำงานได้ดีขึ้น
การศึกษาจากมหาวิทยลัย Bristol พบว่าพนักงานที่ออกกำลังกายก่อนเข้า หรือหลังทำงาน มักจะทำงานได้มีประสิทธิภาพดีกว่าคนปกติที่ไม่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความมุ่งมั่นในการทำงาน และช่วยให้รับความเครียดจากการทำงานได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้พนักงานที่ออกกำลังกายเป็นประจำมักจะใช้เวลาพักน้อยกว่าคนอื่น ทำงานเสร็จได้ตามกำหนด และมีอัธยาศัยดีกว่าคนอื่น ๆ ด้วย

11. ลดความอ้วน
เป็นที่ทราบกันดีว่าการปั่นจักรยานช่วยเพิ่มอัตรการเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกาย แต่มันไม่ได้เผาผลาญแค่เฉพาะตอนที่เราปั่น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ร่างกายของคนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำจะมีสภาวะ "After Burner" หรือเผาผลาญไขมันส่วนเกินต่อเนื่อง หลังจากลงจากจักรยานแล้วต่อไปอีก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งโดยรวมแล้วการเผาผลาญหลังการปั่นอาจจะมากกว่าระหว่างปั่นอีกด้วย
นักปั่นที่ซ้อมแบบ interval (สลับการออกแรงปั่นช้า + เร็วตามระยะเวลาที่กำหนด) สามารถเผาผลาญไขมันได้มากกว่าคนที่ปั่นด้วยความเร็วคงที่กว่า 3.5 เท่าอีกด้วย

12. มีเพื่อนมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น
สังคมการปั่นจักรยานในเมืองไทยค่อนข้างจะอบอุ่นและเป็นมิตร ใครเห็นกันปั่นจักรยานก็มักจะกวักมือทักทายกันเสมอ ๆ และหากใครมีปัญหาอะไรก็มักจะช่วยเหลือกัน แข่งความรู้กันอยู่แล้ว การเข้ากลุ่มปุ่นกับคนอื่น ๆ นอกจากจะช่วยให้เรามีกำลังใจและมีเหตุผลออกมาปั่นมากขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพเราในทางอ้อมด้วย ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Howard พบว่าคนที่ไม่มีเพื่อนและไม่เข้าสังคมมีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยมากกว่าคนสูบบุหรี่และควนที่เป็นโรคอ้วนเสียอีก อย่างที่เขาว่ากันว่า สภาพจิตใจเราบ่งบอกถึงสภาพร่างกาย

13. ลดอาการเหนื่อยล้าและความเครียด
บางครั้งที่เราเหนื่อยล้า หม่นหมอง ไม่อยากทำอะไร การออกไปปั่นจักรยานรับอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้เราสดชื่นขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ เชื่อว่าหลาย ๆคนคงเจออาการแบบนี้ ตกเย็นเบื่อ หม่นหมอง ไม่อยากไปไหน แต่พอคว้าจักรยานออกไปปั่นกลับรู้สึกดีขึ้น และคลายเครียดความกังวลไปได้หมด งานวิจัยสุขภาพในสหรัฐหลาย ๆ ชิ้นยืนยันว่าการออกกำลังกายช่วยลดความหดหู่และความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

คนเรา......ต่อให้มีความรู้มากมาย

คนเรา......ต่อให้มีความรู้มากมาย
แต่เป็นคนเห็นแก่ตัว
ไม่มีสามัญสำนึกต่อสังคม
"ปริญญา" กี่ใบก็ไม่มีความหมาย

ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างรู้คุณค่า

เมื่อวันนี้........
เรามีโอกาสมีชีวิตอยู่
ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างรู้คุณค่า
โดยการ......ปล่อยวาง
เรื่องที่ผิดพลาดไปแล้วในอดีต
และทำวันนี้ให้ดีที่สุด........

"ทำดี" ไม่ใช่เพื่ออวดใคร

"ทำดี" ไว้ให้ตัวเองภูมิใจ
ไม่ใช่ทำไปเพื่อ....
อวดใครๆ ว่าฉัน "ดี"

"ความรัก" ต้องเกิดขึ้นด้วยความถูกต้องและบริสุทธิ์ใจ

อ ย่ า ไ ด้ เ ป็ น มื อ ที่ ส า ม
เพื่อทำลายความงดงาม
ของความรัก................
อ ย่ า ไ ด้ ท อ ด ส ะ พ า น
เพื่อทำความรู้จักกับ
คู่รักของคนอื่น
"เ พ ร า ะ ค ว า ม รั ก"
ต้องเกิดขึ้นด้วย
ความถูกต้องและบริสุทธิ์ใจ
มิใช่ไปแย่งชิงใครเขามา
เพื่อครอบครอง..............

เคยเป็นไหม?

เ ค ย ไ ห ม.........
ให้กำลังใจเขาไปทั่ว
แต่พอเจอกับตัว
กลับหา "คนปลอบใจ" ไม่เจอ

เครดิต : เสี่ยวพเนจร

ยิ้มๆๆๆๆๆๆ

...........ยิ้ม...........
ให้กับชีวิตเราบ้าง
ปัญหาบางอย่างวันนี้ยังไม่ดี
วันพรุ่งนี้และวันข้างหน้า
"ของเรา" มันต้องดีขึ้น......

เครดิต : แล้วแต่?

เลือกเลย ! เมนูอาหารตามสั่งแบบเกือบจะคลีน กินนอกบ้านมื้อนี้ทานอะไรดี

อาหารคลีนตามสั่ง

          เมนูอาหารตามสั่งแบบไทย ๆ ก็เกือบเป็นอาหารคลีนได้ ถ้าสั่งเป็น ถึงจะไม่คลีน 100% แต่ก็พอแก้ขัดให้คนทานคลีนได้อยู่นะ


          หลายคนไม่ได้ทานอาหารคลีนแค่ในบ้านเท่านั้น แต่ยังพกอาหารคลีนไปทานข้างนอกด้วย ซึ่งถ้าวันไหนไม่มีเวลาทำอาหารคลีนทานเองแล้วต้องออกไปนอกบ้านก็น่าปวดหัวอยู่เหมือนกันนะคะว่าจะสั่งเมนูอะไรทานดี เพราะไม่ใช่ว่าทุกร้านจะมีอาหารคลีนให้ทานซะเมื่อไร จะทานข้าวกับไข่ต้มอย่างเดียวก็ใช่เรื่อง เอาเป็นว่าใครที่ยังคิดไม่ออก กระปุกดอทคอมก็มีเมนูดี ๆ มาไกด์ให้ แต่ต้องบอกก่อนว่าเมนูเหล่านี้ไม่ใช่อาหารคลีน 100% แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คนที่พยายามทานคลีนมีไอเดียในการเลือกทานอาหารที่ดีกับสุขภาพมากขึ้นเมื่ออยู่นอกบ้าน
อาหารคลีนตามสั่ง
          เมนูยำ

          ถ้าอยากให้เมนูยำมื้อนี้คลีนสักหน่อย แนะนำให้ทานยำผัก เช่น ยำเห็ด ยำผักรวม ผักต่าง ๆ หรือถ้าอยากได้โปรตีนเพิ่มอาจสั่งยำไข่ต้ม หรือยำซีฟู้ดก็ได้ค่ะ แต่ให้เลี่ยงอาหารแปรรูปอย่างไส้กรอก มาม่า หมูยอ แฮม ปูอัด ลูกชิ้น และอย่าปรุงรสจัดเกินไป ไม่ว่าจะเปรี้ยวจัด เค็มจัด หรือเผ็ดจัด 

อาหารคลีนตามสั่ง

          ต้มจืด

          สั่งต้มจืดอย่างแกงจืดเต้าหู้ไข่ แกงจืดผักกาดขาว แกงจืดบวบ ต้มจืดตำลึง แกงจืดไข่น้ำ มาทานกับข้าวกล้อง หรือถ้าไม่มีข้าวกล้องก็ทานกับข้าวสวยในปริมาณที่ลดลงก็ได้ แต่เน้นทานผักให้มากขึ้น แค่นี้ก็ได้อาหารเกือบจะคลีนแล้ว แต่อย่าลืมย้ำกับแม่ค้าด้วยว่า อย่าใส่น้ำมันกระเทียมเจียวลงในแกงจืดนะจ๊ะ

อาหารคลีนตามสั่ง

          แกงเลียง

นอกจากจะเป็นอาหารคลีนแบบไทยแล้ว ผักต่าง ๆ ที่ใส่ในแกงเลียง ทั้งบวบ ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน ใบแมงลัก ฯลฯ ยังมีประโยชน์กับสุขภาพด้วย และถ้าอยากได้โปรตีนจะสั่งเป็นแกงเลียงกุ้งสดก็ไม่ผิดกติกา

อาหารคลีนตามสั่ง

          สุกี้น้ำ
          วุ้นเส้นกับผักที่ใส่ในสุกี้ก็จัดเป็นอาหารคลีนที่หาทานนอกบ้านได้ไม่ยากเช่นกัน แต่ข้อสำคัญอยู่ที่น้ำจิ้มค่ะ ถ้าไม่ใส่น้ำจิ้มเลยจะดีที่สุด เพราะน้ำจิ้มสุกี้มีโซเดียมสูงไม่ใช่อาหารคลีนแน่ ๆ แต่ถ้าทานเปล่า ๆ ไม่ได้จริง ๆ ก็อนุโลมให้ใส่น้ำจิ้มได้เล็กน้อย พอให้ทานได้ และอีกข้อที่ต้องย้ำก็คือให้สั่งเป็นสุกี้น้ำ เพราะถ้าสั่งสุกี้แห้งจะต้องผ่านการผัดเส้น แบบนี้คือไม่คลีนล่ะ

อาหารคลีนตามสั่ง

          
ข้าวต้ม หรือโจ๊ก


          อาหารเช้าอย่างข้าวต้มปลา ข้าวต้มไก่ ก็พอเป็นอาหารคลีนได้เหมือนกัน แต่ขอให้ปรุงน้อย ๆ และอย่าลืมว่าต้องไม่ใส่น้ำมันกระเทียมเจียว ส่วนโจ๊กก็อย่าทานคู่กับปาท่องโก๋นะคะ

อาหารคลีนตามสั่ง

          ข้าวมันไก่

          อย่าเพิ่งตกใจที่แนะนำว่าข้าวมันไก่เป็นเมนูอาหารคลีน เพราะข้าวมันไก่จานนี้จะคลีนได้ก็ต้องสั่งให้ละเอียดนิดนึง คือเลือกทานข้าวธรรมดาแทนข้าวมัน ส่วนเนื้อก็ให้เอาแต่เนื้อไก่ต้มล้วน ๆ ไม่เอาหนัง ถ้าจะให้คลีนขึ้นมาหน่อยก็ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม และไม่ทานน้ำซุปค่ะ แต่ถ้าใครไม่ได้สุดโต่งอะไรขนาดนั้น จะจิ้มน้ำจิ้มเล็กน้อย หรือซดน้ำซุปให้คล่องคอหน่อยก็ตามสบายเลยจ้า

อาหารคลีนตามสั่ง

          
สเต็ก
          เลือกทานสเต็กปลาย่าง หรือสเต็กไก่ แต่เลาะหนังออก จะดูคลีนที่สุดค่ะ หรือถ้าไม่มีเนื้อปลากับไก่ อาจเลือกทานเนื้อหมูก็ได้ แต่ต้องเลือกสันในหมู เพราะส่วนนี้จะไม่ติดมัน ทานคู่กับผักต่าง ๆ เพิ่มความคลีนลงไปอีกนิด พยายามอย่าใส่เครื่องปรุงอะไรเพิ่มมาก ส่วนเฟรนช์ฟรายส์ มันฝรั่งทอด หัวหอมทอด ขนมปังปิ้ง ให้เซย์โนไปเลย

อาหารคลีนตามสั่ง

          เกาเหลา          จะสั่งเกาเหลาให้คลีนต้องสั่งเกาเหลาแบบไม่ใส่ลูกชิ้น แต่ใส่ผักเยอะ ๆ จะใส่เนื้อสัตว์ลงไปด้วยก็ไม่ว่า และต้องงดน้ำมันกระเทียมเจียวเช่นกัน

อาหารคลีนตามสั่ง

          สลัดผักน้ำใสคำว่าสลัดผักก็ดูเหมือนจะเป็นอาหารคลีนอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่ถ้าใส่น้ำสลัดข้นนี่จบเลย เพราะน้ำสลัดครีมข้นไม่ใช่อาหารคลีน รวมถึงน้ำสลัดงาญี่ปุ่นก็ไม่คลีนเหมือนกัน ถ้าอยากทานสลัดให้คลีนของจริง ควรเลือกทานกับน้ำสลัดแบบใส หรือบัลซามิกก็พอไหว

อาหารคลีนตามสั่ง
  
           ปลาเผา          ถ้าทานปลาเผา (ไม่ใส่เกลือ) กับผักสดแบบนี้จัดว่าคลีน แต่ต้องระวังน้ำจิ้มไว้หน่อย เพราะบางร้านใส่ผงชูรสเยอะ แต่ถ้าอยากทานน้ำจิ้มจริง ๆ ก็ให้ทานแต่น้อยค่ะ

อาหารคลีนตามสั่ง

         
น้ำพริก
          เลือกทานน้ำพริกเห็ด น้ำพริกมะเขือ น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แบบไม่ต้องเผ็ดจัดจ้าน จะทานกับผักสด ผักต้ม หรือผักนึ่ง ก็อิ่มแบบคลีน ๆ ไปอีกมื้อ ส่วนน้ำพริกกะปิ ไม่ถือเป็นอาหารคลีน เพราะกะปิเป็นของหมักดอง คนกินคลีนคงต้องเลี่ยงไปก่อน 

อาหารคลีนตามสั่ง

          ส้มตำ ไก่ย่าง

          เมนูแซ่บของคนไทยก็จัดเป็นอาหารคลีนได้ ถ้าสั่งส้มตำไทย ไม่ต้องใส่ปู ปลาร้า ไข่เค็ม ตอนปรุงรสก็ใส่น้ำตาลน้อย ๆ น้ำปลาน้อย ๆ ไม่ใส่ผงชูรส จะทานคู่กับไก่ย่างก็ย่อมได้ แต่ต้องเลือกทานอกไก่ แล้วลอกหนังออกด้วย

          เมนูนี้คนทานคลีนขอบาย !
อาหารคลีนตามสั่ง

          - ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ลูกเขย ถ้าอยากทานไข่ให้เลือกทานไข่ต้ม หรือไข่ตุ๋นแทน
          - เนื้อสัตว์ติดมัน
          - ของทอดทั้งหลาย
          - อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน หมูยอ แฮม ปูอัด ลูกชิ้น หมูหย็อง หมูแผ่น หมูกรอบ แหนม เนื้อแปรรูป อาหารหมักดอง  
          - อาหารสังเคราะห์ เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง ไอศกรีมปรุงแต่งรส บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ครีมเทียม เนยเทียม
          - น้ำซุป เพราะในน้ำซุปมักใส่ผงชูรส หรือซุปก้อนลงไป
          - อาหารและเครื่องดื่มที่ใส่น้ำเชื่อม เช่น น้ำผลไม้ปั่น ขนมหวาน
          - ขนมแป้งขัดขาว เช่น โดนัท คุกกี้ เบเกอรี่

          เมนูนี้คนทานคลีนสั่งได้ !

          - ทานข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี แทนข้าวขาว หรือถ้าหาทานไม่ได้ ให้ทานข้าวขาวในปริมาณที่น้อยลง
          - ผักเยอะ ๆ
          - เนื้อสัตว์ทานได้ แต่เน้นไขมันต่ำ ไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา 
          - เน้นอาหารที่ต้มกับนึ่งเป็นหลัก แต่หากจะทานอาหารจานผัดต้องใส่น้ำมันน้อย ๆ 
          - รสชาติไม่จัด เน้นรสจืด รสอ่อน ๆ พยายามไม่ปรุงน้ำปลา น้ำตาล เกลือ
          - น้ำเปล่าดีที่สุด เลี่ยงดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชาเขียว

          ย้ำว่าเมนูเหล่านี้เอาใจคนพยายามทานคลีนโดยเฉพาะนะคะ เพราะบางคนอยากทานคลีนนอกบ้านบ้างแต่ไม่รู้จะสั่งอะไรทานดี ส่วนคนที่ไม่ได้ทานคลีนหรือทานคลีนพอประมาณแบบไม่ซีเรียสอะไรมากนักก็สามารถสั่งทานตามปกติตามแต่สบายใจเลย หรือจะสั่งแบบนี้ทานสลับกันดูบ้างก็ได้สุขภาพดี ๆ เป็นของแถมเหมือนกัน

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

#Lipstick Guide ดีงามพระรามแปด!!! #ทาวนไปสิคะ!

#Lipstick Guide ดีงามพระรามแปด!!! #ทาวนไปสิคะ!

ยำไข่เค็ม


คุณๆ ท่านๆ ที่ไม่รู้จะทำอะไรดีกับไข่เค็มธรรมดาๆ ขอเสนอ "ยำไข่เค็ม" เครื่องปรุงและวิธีการทำไม่ยุ่งยาก นอกจากจะได้คุณค่ามากมายจากไข่แล้ว ยังอุดมด้วยสรรพคุณทางยาจากเครื่องปรุงสมุนไพรนานาชนิด อาทิ มะนาว หอม พริกขี้หนู ฯลฯ อาทิ ช่วยบรรเทาอาการหวัด ลดโคเลสเตอรอล ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ดีต่อระบบไหลเวียนเลือด บรรเทาอาการไอเสมหะ แก้หวัดคัดจมูก มากด้วยเส้นใยอาหารจากพืชผักช่วยเรื่องระบบขับถ่าย มะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ

(เครดิตภาพ : Cheesier, มาเรีย ณ ไกลบ้าน, ไม่กัดค่ะ, benz47, drunkart, littlehouse)

อย่ามองปัญหา....ให้เป็นอุปสรรค

อย่ามอง "ปั ญ ห า"
ที่ผ่านเข้ามาให้เป็น
"อุ ป ส ร ร ค".....
แต่จงมองให้เป็น
"แ ร ง ผ ลั ก ดั น"
เพื่อไปถึงความสำเร็จ
ในวันข้างหน้า

กาแฟ....แม้จะมีรสขม แต่ก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น

"กาแฟ" แม้จะมีรสขม
....แต่ก็ทำให้เราเข้มแข็ง....
เช่นเดียวกันกับ "การใช้ชีวิต"
ที่มีความผิดหวัง ที่เกิดความพลาดพลั้ง
.......แต่มันก็ทำให้เรา........
"เ ข้ ม แ ข็ ง แ ล ะไ ด้ เ รี ย น รู้"

ยังคิดถึงอยู่นะ....

บางคนเลิกกันไปเป็นปีๆ...
ทุกวันนี้.....ยังมีเรื่องราวให้เราได้คิดถึงเขาอยู่เลย
มันอาจจะเป็นเพราะความผูกพันครั้งนั้น..
มันฝังใจ...สำหรับเรามั้ง..
เราถึงพร่ำเพ้อ...มาถึงวันนี้..

แต่ตอนนี้....ก็ดีขึ้นเยอะล่ะ
มันเหลือเพียงแต่ความทรงจำ...
ทุกสิ่งทุกอย่าง...เราเริ่มทำใจยอมรับมันเกือบได้ทั้งหมดแล้ว.....
เพียงแต่บางครั้ง... บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับเขา
มันอาจจะสะท้อน...ให้เราได้เห็นบางครั้งคราว
แต่ก็ไม่มีไรมากหรอก...มันก็เป็นเรื่องธรรมดา..
ที่เราจะมีเขาแว๊บเข้ามาในใจบ้าง...

คนเคยรักกัน...เคยความวันเวลาร่วมกัน
ทั้งชีวิต.....เราก็ไม่สามารถลบชื่อ...ลบเรื่องราวของเขาออกทั้งหมดได้หรอก
มีแต่เราจะอยู่กับเรื่องราวนี้... ใช้ชีวิตไปตามปกติ
จบไปแล้ว..ก็แล้วไป. เดินไปข้างหน้าต่อไป.....

เราไม่รู้...ว่าวันพรุ่งนี้และต่อๆไป...จะไปเจออะไรที่มันหนักหนากว่านี้อีกไหม
ทำใจ...หาสิ่งดีๆเข้าหาตัวเองบ้าง..
ชีวิต..ไม่พบก็ต้องจาก ท่องไว้.. มันมีเท่านี้ล่ะ :)

Once in your life ( ครั้งหนึ่งในชีวิต )

คนที่แพ้....ก็ต้องกลับมาแคร์หัวใจตัวเอง

เขาไม่รัก...ก็พยามรักตัวเองให้ได้เนอะ .
ปลอบใจตัวเองเบาๆว่าไม่เป็นไร...เขาไม่รักไม่ใส่ใจ ก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา
....
ในเมื่อเขาคิดว่าเขาทำถูก...แล้วคนที่ไม่สำคัญอย่างเราจะไปห้ามอะไรเขาได้
เจ็บก็ร้องไห้...
คิดถึงก็กอดหมอน..
เดี่ยววันนึง...อะไรๆมันก็คงจะดีขึ้นเอง

Once in your life ( ครั้งหนึ่งในชีวิต )

รักมากแค่ไหน...ถึงเวลาก็ต้องปล่อย

รักมากแค่ไหน ถึงเวลาก็ต้องปล่อยจริงๆนะ
ปล่อย..ให้เขาไปตามทางที่เขาหวัง
ปล่อย..ให้ชีวิตเขามีอิสระ เขาคงจะทนกับอะไรเดิมๆกับเรามามากพอแล้ว
วันเวลาที่นานขึ้น...
มันทำให้เราสองคนไม่เข้าใจกันมากขึ้น...
มันทำให้เราคุยกันน้อยลง ทำให้เราเป็นห่วงกันน้อยลง....

จะเพราะอะไร...ก็ตามแต่ สุดท้ายมันก็อยู่ที่เราสองคนนั่นแหละ
ว่าเราจะจับมือกันแน่นขนาดไหน..
เรายังจะรักกันเหมือนเดิมไหม.....เราและเขาจะไปหวั่นไหวกับใครไหม
หากวันนั้น..รักของเรามันจะจบเพราะใครเป็นทำลายก่อนก็ช่าง
หากแต่มันเกิดขึ้นแล้ว.....ความทรงจำ มันจะทำให้เรายังคิดถึงกันเสมอ...
ไม่มีกันในวันนี้....แต่ก็จะมีกันอยู่ในจิตใจ..

จบไปแล้ว....ก็แล้วไป...
คิดถึงกันก็ได้ :)
ไม่มีใครไม่เคยผิดหวัง..
ไม่มีใครไม่เคยมีน้ำตาเพราะความรัก
มันอยู่ที่จังหวะนั้น...เราจะใช้วิธีคิดแบบไหน เดินผ่านช่วงเวลาแย่ๆนั้นมา

คิดถึงก็ต้องอดทน....
พยามยิ้มให้เยอะๆ... วันนึง...เราคงจะหัวเราะกับเรื่อง
ที่เคยร้องไห้ได้เอง..

Once in your life ครั้งหนึ่งในชีวิต

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ข้าวเหนียวดำ สุดยอดสารอาหารมากคุณค่า


เมื่อพูดถึงข้าวเหนียวดำ หรือ "ข้าวก่ำ" หลายคนคงนึกถึงของหวานไทย ๆ อย่างข้าวเหนียวดำมูนน้ำกะทิแสนอร่อย แต่ความจริงแล้วข้าวเหนียวดำมีคุณล้ำเลิศมากกว่านั้น เพราะมีสารพัดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ดังนี้

-ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ในข้าวเหนียวดำมีสาร "แกมมาโอไรซานอล" (gamma oryzanol) ซึ่งสามารถลดไขมันอุดตันในหลอดเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้
-ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
สาร "แอนโทไซยานิน (anthocyanin)" ที่พบในข้าวเหนียวดำของไทยมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปอดอย่างชัดเจน
-ป้องกันโรคโลหิตจาง
ในข้าวเหนียวดำมีธาตุเหล็กที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งหากร่างกายได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้

ที่สำคัญ ข้าวเหนียวดำยังอุดมไปด้วยมีวิตามินเอ อี บี 1 บี 2 และบี 6 ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงสมองอีกด้วยนะคะ
แหล่งข้อมูลจาก : foodhealth.in.th

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

รักกันไว้เถิด....คนไทย




เมื่อ 100 ปีก่อน.....
คนจีน หนีความยากจน เสื่อผืนหมอนใบ มาเมืองไทย เป็นกุลี ,แบกข้าวสาร ,ลากรถ,ขายน้ำเต้าหู้ ฯลฯ
คนไทยดูถูก...เรียกไอ้เจ็ก
แต่คนจีนขยัน ขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ อยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากเป็นพ่อค้า
คนไทยชอบสบาย อยากเป็นเจ้าคนนายคน รับราชการ มียศ มีสี มีเกียรติ
วันนี้.... คนจีนร่ำรวย เป็นเจ้าของกิจการมากมาย
คนไทยเป็นลูกจ้าง และเป็นลูกหนี้คนจีน

50 ปีก่อน.....
คนอินเดีย คนบังคลาเทศ หนีความยากจน มาเมืองไทย เป็นยาม เป็นคนขายนมแพะ ขายถั่ว
คนไทยดูถูก...เรียกไอ้บัง คนอินเดียขยัน เจียมเนื้อเจียมตัว ประหยัด เก็บออม อดทน ไม่ยอมเสียเปรียบ
วันนี้ คนอินเดียเป็นเจ้าของกิจการมากมายในไทย
คนไทยเป็นลูกจ้าง และเป็นลูกหนี้คนอินเดีย

30 ปีก่อน.....
คนเวียตนาม อพยพมาไทยเพราะสงคราม มาเมืองไทยมาเป็นลูกจ้างทำประมง ทำนา ซ่อมรถ
คนไทยดูถูก...เรียกไอ้แกว
วันนี้ เมืองไทยโดยเฉพาะทางอีสาน และภาคตะวันออก คนเวียตนามเป็นเจ้าของกิจการมากมาย
คนไทยเป็นลูกจ้าง และเป็นลูกหนี้คนเวียตนาม

วันนี้!!!
คนเขมร, คนลาว, คนพม่า ,เข้ามาไทย ทั้งถูกต้อง ทั้งแอบหนี เพราะ AEC เปิด รับค่าแรง 300 บาท
เข้ามาเป็นคนรับใช้ในบ้าน ,พนักงานโรงแรม , เด็กเสริฟ์ร้านอาหาร , เด็กปั้ม ,คนงานก่อสร้าง ,
คนไทยดูถูก...เรียกไอ้ลาว,ไอ้เขมร,ไอ้หม่อง

สิ่งที่น่าเป็นห่วงในอนาคตคือ
อีกแค่ 20 ปีข้างหน้า!!!! ชนชาติต่างๆ ที่อพยพเข้ามาก็คงเป็นเจ้าของกิจการในประเทศไทยกันหมด และคนไทยก็กลับมาเป็นลูกจ้างคนเขมร คนพม่า คนลาว และเป็นลูกหนี้เขาเหล่านั้น เหมือนพ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเรา หรือเปล่า?

นี่คือ.. คนไทย!!!!แท้ๆใช่หรือไม่???
ทำไม?คนไทย !!!
มีความรู้ มีฝีมือแรงงานที่ดี แต่ไม่สร้างโอกาส ไม่สร้างงานให้มีคุณค่ากับตนเอง

งานหนักหน่อย ท้อ ลาออก....
งานเหนื่อยหน่อย บ่น ลาออก....
งานมากหน่อย บอกค่าจ้างถูก ไม่คุ้มค่า ลาออก....

น่าเป็นห่วง!!!
คนไทยที่รักสนุก รักสบาย ไม่อดทน ไม่พึ่งพาตัวเอง
ชอบหรูหรา หน้าใหญ่ ใจถึง
ประมาณว่า "ฉิบหายไม่ว่า ต้องการชื่อเสียง "
แข่งกันอวดรวยโดยการมีหนี้สิน จนหนี้ท่วมตัว
โกหกตัวเอง หน้าชื่นอกตรม
เลี้ยงลูกให้เป็นลูกเทวดา
เลี้ยงลูกไม่รู้จักโต
เสพติดวัตถุนิยม
ขายที่ดิน ปู่ย่าตายายกิน

ขออย่าให้เป็นอย่างนี้เลย......

คนไทย มีฝีมือ มีทักษะดี ฉลาด ไหวพริบดี เอาตัวรอดเก่ง คนไทยมีดี นำมันออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กันเถอะ

"รักกันไว้เถิดคนไทย"

อย่าให้ อีก 20 ปีข้างหน้า......
คนไทย ต้องเป็นลูกจ้าง หรือ ต้องเป็นลูกหนี้ ของคนต่างชาติใน AEC

ขอบคุณที่มา You 'like' clip

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อีกนานไหม.....

"อีกนานไหม (How long would you wait)

สวัสดีครับเพื่อนๆ ในชีวิตเราย่อมมีช่วงชีวิตที่ล้มเหลว เสียใจ หรือผิดหวังหนักๆ
ซักช่วงในชีวิต เช่น อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน เป็นช่วงที่เราเสียใจมากๆ หลายๆ คน
หายหน้า หายตา ไปจากสังคม ปิดมือ เปลี่ยนงาน ย้ายที่อยู่

เห็นมั้ยว่ามันมีผลกระทบที่รุนแรงทีเดียว ในช่วงเวลาเช่นนี้ หลายๆ คน
จมปลักกับเวลาซึมเศร้าแบบนี้นานมาก แรมเดือน แรมปีกันเลยทีเดียว

เมื่อผ่านเวลาช่วงนี้ไป ทุกคนก็จะปรับตัวกลับมาสดใสร่าเริงได้ แต่งตัวดูดีขึ้น
อารมณ์ดีขึ้น กลับมารับงาน กลับมาเข้าสังคม

ปัญหาก็คือว่ามันนานไปมั้ยกับเวลาที่เสียไปเหล่านั้น หากเรามีสติได้เร็วๆ
เราจะผ่านเวลาช่วงนั้นได้เร็วขึ้น การพบปะพูดคุยกับ เพื่อน กับครอบครัว กับผู้รู้
จะช่วยให้เราไม่ตกอยู่ในสภาพซึมเศร้านานๆ การท่องเที่ยว เปิดโลกใบใหม่
ทำให้เราเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ก็จะทำให้เราไม่ครุ่นคิดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ

ชีวิตเหมือนฟ้าหลังฝน ย่อมจะสดใสและดีขึ้น เป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ
รีบกลับมาใช้ชีวิตให้เร็ว ไม่อย่างนั้นเราจะสูญเสียโอกาสดีๆ ไปเรื่อยๆ ทุกคนรออยู่ครับผม"

3 step ง่าย ๆ หน้าใสวิ้ง

3 step ง่ายง่ายหน้าใสวิ้ง 😘 ใช้ตามสเต็ปได้เลยนะคะ ราคาชุดละ 1,140 บาท


ทำงาน...เพื่อให้ได้สิ่งที่มีความจำเป็นก็พอ

ข้อคิดจากพระธรรม ปัญญาจารย์ 4:4-6 พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน (THSV) ซึ่งเป็นข้อความที่ได้รับการเน้นด้วยสีเขียวจากพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน วิถีจัดการด้านการเงิน ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 28 มีนาคม 2015

และข้าพเจ้าเห็นว่าการตรากตรำทุกอย่าง และความชำนาญในการงานทุกอย่างมาจากความริษยาของคนที่มีต่อเพื่อนบ้านของตน นี่ก็อนิจจังด้วยคือ กินลมกินแล้ง
คนโง่งอมืองอเท้า
 และกินเนื้อของตนเอง
สิ่งของกำมือหนึ่งที่ได้มาด้วยความสงบ
 ก็ดีกว่าสิ่งของสองกำมือที่ได้มาด้วยการตรากตรำ
 และการกินลมกินแล้ง

 หลายคนทำงานหนักไม่ได้เพราะขยัน แต่เพราะอิจฉาคนอื่นที่มีของที่ตนไม่มี แต่คนแบบนี้ก็ดีกว่าคนโง่ที่ไม่ยอมทำงาน จนต้องกินเนื้อของตัวเอง ในขณะเดียวกันหาเราอยากได้อะไร ถ้าตั้งใจทำอย่างพอเหมาะและพอใจ ก็ดีกว่าทำงานหนัก และไม่ได้อะไรเลย
 คนจำนวนมากเห็นคนอื่นมีในสิ่งที่ตัวเองไม่มี ก็พยายามทำงานหนักเพื่อจะได้เงินทองมากมายมาซื้อของเหล่านั้น ทั้งๆ ที่สิ่งของเหล่านั้นอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับตัวเองก็ตาม การทำงานหนักเพราะความอิจฉานั้นเป็นการกระทำที่เสียเวลาเปล่า เพราะเมื่อได้เงินและได้ของที่เหมือนคนอื่นมาแล้ว เราก็ไม่ได้ใช้ของนั้นจริงๆ ได้มาก็ไม่ได้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตของเรา อย่างไรก็การทำงานหนักก็ดีกว่าขี้เกียจ เพราะความขี้เกียจจะทำให้เรายากจนลง แต่ที่ดีกว่าทั้งการทำงานหนักและความขี้เกียจคือการทำงานที่ไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไป และได้รับสิ่งที่เราจำเป็นจริงๆ

ริมฝีปากบอกนิสัย......

A.ริมฝีปากหนาและกว้าง

คุณเป็น สาวขาลุย

     กล้าได้กล้าเสียและชอบเสี่ยงต้องคุณเลยค่ะ! ถ้าเกิดคุณชอบอะไรจริงๆจังๆแล้วล่ะก็...คุณจะต้องได้มันมาครอบครองให้ได้ภายในครั้งเดียวและไม่แคร์ด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้น สาวขาลุยก็งี้แหละเนอะ คุณเป็นคนห้ามไม่ฟัง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและมีชีวิตชีวา คุณไม่ใช่คนที่จะมานั่งอายกับการที่เป็นฝ่ายเริ่มจับมือ นัดเดท หรือการโทรไปหาก่อน ชีวิตของคุณดูน่ะ ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะค่ะ

B.ริมฝีปากหนา แต่ปากไม่ใหญ่

คุณเป็น สาวอารมณ์อ่อนไหว

     คุณเป็นคนใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง มักจะตัดสินใจด้วยอารมณ์แทนการค่อยๆคิดทบทวนอย่างใจเย็น คุณน่ะเป็นคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แต่คุณเป็นคนให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่คนรอบข้างทีเดียวเชียวนะ บอกเลยว่าหากใครมีปัญหากลุ้มใจ มาหาคุณได้เลยค่ะเพราะคุณนั้นพร้อมจะรับฟังคำระบายและสามารถปลอบใจคนเศร้าได้ดีเลยทีเดียว เรื่องเห็นอกเห็นใจผู้อื่นไม่ต้องพูดถึง คุณช่างเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์อยู่แล้ว นอกจากนี้คุณยังเป็นคนไม่ชอบเรื่องซีเรียสอีกด้วยนะ สรุปได้ง่ายๆ สาวเจ้าอารมณ์น่ะคุณเลย!

C.ริมฝีปากบนใหญ่กว่าริมฝีปากล่าง

คุณเป็น สาวผู้นำ

     คุณมีนิสัยชอบสั่ง เป็นคนทุ่มเทตั้งใจในการทำอะไรซักอย่าง คุณจะค่อยๆทำมันอย่างช้าๆเพื่อความชัวร์ คุณเป็นคนเด็ดขาดและยึดคติ “ถ้าไม่ได้ทั้งหมด ก็ไม่เอา” คุณจะเกลียดมากๆถ้าได้เจอกับคนประเภทโลเล ตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ พลังแห่งความทระนงและเคารพในตัวเองจะผลักดันคุณให้เข้าใกล้กับสิ่งที่คุณปรารถนา สาวๆที่มีริมฝีปากลักษณะนี้ห้ามทิ้งสองอย่างนี้เป็นอันขาด นอกจากนี้คุณยังมีความเป็นผู้นำและมีเสน่ห์แฝงอยู่ในตัวอีกด้วยนะจ๊ะ

D.ริมฝีปากล่างใหญ่กว่าริมฝีปากบน

คุณเป็น สาวลึกลับ

     คุณเป็นสาวแปลกสุดลึกลับ คุณมักจะโดดเด่นราวกับอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์ตลอดเวลาเพราะว่าคุณนั้นยูนีคและไม่เหมือนคนอื่น ทำให้คุณเป็นที่จับตามองของหนุ่มๆ ในขณะเดียวกันก็สร้างความอิจฉาและหมั่นไส้ให้กับผู้หญิงคนอื่น คุณมักจะแต่งตัวชิคและแฟชั่นจ้าแบบสุดๆ นอกจากคุณจะเต็มไปด้วยเสน่ห์แล้ว คุณยังเป็นคนอินดี้แบบสุดๆ แคร์ในสิ่งที่ควรแคร์ บางอย่างตัดได้คุณก็เลือกจะที่ตัดแบบไม่ลังเล

E.ริมฝีปากบางและกว้าง

คุณเป็น สาวแกร่ง

     คุณเป็นคนอยู่กับความเป็นจริง ไม่เพ้อฝัน สามารถยืนหยัดด้วยตัวของตัวเองได้แบบไม่ต้องพึ่งใคร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกจัดการและวางแผนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณชอบที่จะเตรียมการทุกอย่างไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คุณเป็นคนเดินสายกลาง ค่อยๆคิดค่อยๆทำ ไม่ทำอะไรอย่างสุดโต่ง คุณจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของมัน คุณเป็นคนเก็บอารมณ์ ไม่แสดงให้ผู้อื่นเห็นได้ง่ายๆ บ่อยครั้งทำให้คนอื่นมองคุณว่าเป็นคนเยือกเย็น ปิดตัวเองและดูหยิ่ง ที่สำคัญคุณน่ะเป็นคนชอบความมั่นคงแต่ในขณะเดียวกันคุณก็สามารถยอมรับถึงความไม่แน่นอนในชีวิตได้เช่นกัน

F.ริมฝีปากเล็ก

คุณเป็น สาวนักเดินทาง

     สาวนักผจญภัยต้องคุณเลย! คุณนั้นรักการเดินทางและท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ อยู่กับที่ไม่สุก ชอบใช้เวลาวันหยุดกับทริปท่องเที่ยวธรรมชาติไกลๆ คุณชอบความตื่นเต้นท้าทาย ส่วนเรื่องความเสี่ยง คุณน่ะไม่เคยกลัว! คุณมีหัวใจนักสู้ เข้มแข็ง เลือกมองโลกในแง่ดีและหากตั้งใจทำอะไร คุณจะทุ่มกำลังทำสิ่งนั้นแบบสุดๆไปเลย

เรียบเรียงโดยทีมงาน women.truelife.com

ความสำคัญของความรัก.....

"ความสำคัญของความรัก
อาจไม่ได้อยู่ที่ว่า
มันสิ้นสุดหรือคงอยู่
แต่มันสำคัญที่ว่า
ตลอดเรื่องราวของความรัก
เราดูแลความรักได้เพียงพอหรือยังต่างหาก"

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อย่าเมื่อยล้าในการทำความดี....

เป็นเรื่องยากที่เราจะรักศัตรู สั่งสอนลูก หรืออธิษฐานอย่างไม่หยุดหย่อน แต่การเก็บเกี่ยวผลดีที่เราหว่านลงไปไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ เรายินดีที่ได้เห็นความรักเอาชนะความขัดแย้ง เห็นเด็กๆ เดินในทางของพระเจ้า หรือได้รับคำตอบคำอธิษฐาน

“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้วเราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร” (กาลาเทีย 6:9)

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ความรัก"

"ถ้าเราไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร ก็ยากที่จะรักใครหรือรับความรักจากใคร"


1. คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า ความรัก มันคือความรู้สึก แต่จริงๆแล้ว ... ความรักไม่ใช่ความรู้สึก ... ความรักก่อให้เกิดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆนานา แต่มันไม่ใช่แค่อารมณ์
คนเรามักพึ่งพาความรู้สึกตัวเองบ่อยๆปล่อยให้อารมณ์ ความรู้สึกกระตุ้นให้ทำอะไร พลาดได้โดยไม่รู้ตัว

2. เข้าใจว่าความรักควบคุมไม่ได้.. พระเยซูสั่งให้เรารักผู้อื่น นั่นเป็นการยืนยันว่าความรักสั่งได้ ควบคุมได้ ... ความรักเป็นสิ่งที่คุณเลือก คุณตัดสินใจ มันควบคุมได้

3. ความรักเป็นการกระทำ ไม่ใช่ความรู้สึก 1ยอห์น 3:18 "อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดหรือด้วยลิ้นเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและความจริง"

สิ่งที่ฉันคิด--->กำหนด--->สิ่งที่ฉันรู้สึก--->กำหนด--->วิธีที่ฉันแสดงออก

ถ้าอยากได้บางอย่าง....ก็ต้องยอมแลกด้วยบางสิ่ง

"อยากได้อากาศสดชื่นเย็นสบาย
...แต่ไม่อยาก...ให้ฝนตกฟ้าร้อง !?!
อยากต่อเติมบ้านใหม่....
แต่ไม่อยากมีฝุ่น...เลอะเทอะ !?!
อยากเก่งมากขึ้น...แต่ไม่อยากเรียนรู้ !?!
อยากสำเร็จ...แต่ไม่อยากเหนื่อยยาก !?!
อยากได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม...
แต่ไม่อยากเจอ...ความยากลำบากระหว่างทาง !?!
จำไว้ว่า....ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย!
ดังนั้น....ถ้าอยากได้บางอย่าง...
ก็ต้องยอมแลกด้วยบางสิ่ง!!

Yes Yes Yess!!!"

วันที่ดีหรือวันที่แย่ มันก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ต่างกันที่ใจเรานี่เหละที่เจอเรื่องอะไรมา!

วันที่ดีหรือวันที่แย่

มันก็มีแค่ 24 ชั่วโมง

เหมือนกัน…และมันก็จะผ่านไป

เหมือนเหมือนกัน

อย่าดูถูกใคร ถ้าคุณไม่ได้วิเศษมาจากไหน จงจำไว้ว่า “เขากับเรา” เกิดมาเป็นคนเหมือนกัน!

อย่าดูถูกใคร

ถ้าคุณไม่ได้วิเศษมาจากไหน

อย่าเหยียมหยามใคร ถ้าคุณยังเดินบนดิน

อย่าหมิ่นศักดิ์ศรีใคร

หรือรังแกข่มเหงใครๆ

จงจำไว้ว่า…เขากับเรา

เกิดมาเป็นคนเหมือนกัน!

ปัญหาและอุปสรรค เป็นเรื่องท้าทายจริงๆยอมรับมัน…สักวันเราจะเข้มแข็งขึ้นแน่นอน!!

ปัญหาและอุปสรรค เป็นเรื่องท้าทายจริงๆยอมรับมัน...สักวันเราจะเข้มแข็งขึ้นแน่นอน!!

เรื่องแย่ๆ…ที่เข้ามาในชีวิตนี่แหละ

ที่ทำให้ เราเป็นตัวของตัวเองน้อยที่สุด

แต่เมื่อผ่านมันไปได้ …เราจะเข้มแข็ง

และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น

การเสียใจมันเป็นเรื่องปกติของใครๆก็เคย แต่อย่าเสียใจในเรื่องเดิมๆมันเสียเวลา!

การเสียใจ

มันเป็นเรื่องปกติ ใครๆก็เคย

แต่อย่าเสียใจในเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก

เพราะมันจะกลายเป็นการเสียเวลา

5 เหตุผลที่คุณนอนตะแคงซ้าย

คือมันดีเลิศมาก!! 5 เหตุผล ที่คุณควรนอนตะแคงซ้าย ใครกำลังนอนตะแคงขวาอยู่เปลี่ยนท่าซะนะ..ท่านอน เชื่อเลยว่าทุกคนนั้นต้องมีท่าประจำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการนอนหงาย นอนตะแคงซ้าย-ขวา หรือแม้แต่นอนคว่ำก็ตามแต่ความสบายของบุคคล หากท่านใดที่ถนัดนอนตะแคงด้านซ้าย วันนี้คุณเบาใจได้เลย เพราะหลังจาก ดร. John Douillard ได้ออกมาเปิดเผยข้อดีของการนอนตะแคงซ้าย ว่าแต่มีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย!!
0101
ข้อดีของการ “นอน” ตะแคง “ซ้าย” …

1. จะทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณดีขึ้น ช่วยให้กระเพาะอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. การระบายน้ำเหลือดีขึ้น จากแรงโน้มถ่วง
3. ช่วยการทำงานของน้ำดี
4. ช่วยให้ของเสียเดินทางไปยังลำไส้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และช่วยระบบขับถ่ายสะดวกขึ้น
5. หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้น
1254
2159
ทั้งนี้ยังช่วยลดอาการอิจฉาริษยาได้ด้วย ซึ่งขณะที่การนอนตะแคงขวาจะทำให้อาการนี้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้คนท้องยังควรนอนตะแคงซ้ายเพื่อช่วยในการไหลเวียนโลหิตให้ไปเลี้ยง ลูกน้อยในท้องได้ดี
จากตามสถิติแล้ว 63% ของคนอเมริกันนั้นนอนตะแคง ซึ่งแต่ละคนล้วนรู้สึกสบายในท่วงท่านอนที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ดี แพทย์ระบุว่าท่าที่ดีที่สุดในการนอนของคุณก็คือท่าที่ทำให้คุณนอนหลับสบาย เป็นธรรมชาติ!
ที่มา: ohochill.com

กาฝากชีวิต

ที่บ้านผมมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่ผมรักมาก แต่ต้นไม้ต้นนี้มักเจอกับศัตรูคุกคามอยู่บ่อยครั้ง ศัตรูที่ผมพูดนี้ไม่ใช่หนอนหรือแมลงหรือโรค แต่มันคือ ...