1. ควรหมั่นสังเกตตัวเองว่า มีความไวของการตอบสนองต่อปริมาณกาแฟอยู่ที่กี่แก้ว มีอาการอย่างไรบ้าง แล้วหาปริมาณที่เหมาะสมให้กับตัวเอง แต่ร่างกายเรารับปริมาณคาเฟอีนได้ไม่มากเท่าไรนักในแต่ละวัน ดังนั้นผู้ที่ดื่มกาแฟเกินกว่า 3 แก้วต่อวันเป็นประจำ ก็ควรรีบปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์มาดื่มกาแฟวันละ 1-2 แก้วพอ อีกทั้งอย่าลืมว่าร่างกายต้องการน้ำสะอาดมากกว่าน้ำชนิดไหนบนโลกนี้
2. ถ้าเป็นคนค่อนข้างนอนหลับยาก ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในช่วงบ่ายหรือหัวค่ำ ทางที่ดีควรดื่มกาแฟช่วงก่อนเที่ยงจะเป็นการดีที่สุด
3. อย่าดื่มกาแฟเพื่อหวังเป็นตัวช่วยในการหักโหมทำงาน เพราะถึงแม้ว่าคาเฟอีนจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้จริง แต่สมองของเราก็ต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้บ้าง ไม่เช่นนั้นสมองอาจเบลอๆได้ ทางที่ดีควรดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น เคยดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล.) ในตอนเช้า ก็ให้ลดปริมาณลงเหลือครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล) แต่บ่อยขึ้น ทั้งนี้กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาที และจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง
4. อย่าดื่มกาแฟตอนท้องว่างเด็ดขาด เพราะ กาแฟมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ นอกจากนี้ยังทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างฉับพลัน จนทำให้มีความรู้สึกอยากกินจุบจิบทั้งวัน เมื่อเป็นแบบนี้น้ำหนักตัวก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ จึงไม่ดีเลย
5. ควรเติมน้ำผึ้งแทนน้ำตาลหรือสารแทนความหวานจากน้ำตาล สำหรับคนที่ดื่มกาแฟแบบไม่ต้องการให้น้ำหนักเพิ่ม จึงใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพื่อสุขภาพทางที่ดีลองเปลี่ยนมาใส่น้ำผึ้งแทนจะดีกว่า เพราะสารแทนความหวานจากน้ำตาลก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพไม่น้อยเลยเช่นกัน
6. หากชอบดื่มกาแฟทุกวันเป็นประจำ ควรกินอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียมเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น นม โยเกิร์ต คะน้า บรอกโคลี หรือ ปลาเล็กปลาน้อย เพื่อทดแทน แคลเซียมที่ต้องสูญเสียไปกับปัสสาวะ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน โดยอาจปรับเปลี่ยนวิธีการชง กาแฟ ให้ใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น
7. ควรเลือกดื่มกาแฟออร์แกนิก หากต้องการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง ลองดื่มกาแฟออร์แกนิกที่มีการปลูกโดยวิถีธรรมชาติ ปราศจากยาฆ่าแมลงและสารพิษ ปราศจาการแต่งกลิ่นและสังเคราะห์สี ก็จะได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้นไปอีก
8. เมื่อดื่มกาแฟแล้วก็อย่าลืมรับประทานผลไม้อย่างเพียงพอด้วย เพราะในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ จะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ดังนั้นวิตามินซี อี และบีตาแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น กล้วย แตงโม ส้ม ฝรั่งมะเขือเทศ แครอต ผักใบเขียว พวกนี้จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายได้
9. เติมคุณค่าทางสารอาหารให้กาแฟของคุณ สำหรับกาแฟไม่ได้เติมได้เฉพาะน้ำตาลหรือครีมเทียมเพียงเท่านั้น เพราะยังสามารถเติมความกลมกล่อมเพิ่มรสชาติและประโยชน์ของกาแฟได้ โดยอาจใส่ชินนาม่อนลงไปในแก้ว เพื่อจะได้ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มวิตามินเคให้กับร่างกาย หรืออาจเติมผงโกโก้เพิ่มความอร่อย แถมยังได้ประโยชน์จาก โปรตีน ธาตุสังกะสี และไฟเบอร์เพิ่มขึ้นอีกด้วย
10. หลังดื่มกาแฟควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากฤทธิ์ในการขับปัสสาวะของคาเฟอีนนั่นเอง
ที่มา...http://www.thailovehealth.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น